ยุทธวิธีการให้คำปรึกษาหลักคำสอนของพระคัมภีร์กับจิตวิทยา

         

โดย.อาจารย์พรพิมล จะหลู

              พระคัมภีร์เป็นเครื่องมือและเป็นแนวทางที่สำคัญในการให้คำปรึกษา ที่สามารถช่วยให้เข้าใจถึงความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ เป็นหนังสือที่มีชีวิตและให้ชีวิตเป็นประโยชน์และสามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตที่ทันสมัยอยู่เสมอ ส่วนจิตวิทยาเป็นแนวความคิดที่เกิดจากการศึกษาเกี่ยวกับจิตใจ ความคิด และพฤติกรรมของมนุษย์ เพื่อหาคำตอบและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น จนได้มีผู้พยายามในการรวมหลักคำสอนพระคัมภีร์กับจิตวิทยา จึงก่อให้เกิดยุทธวิธีการให้คำปรึกษาหลักพระคัมภีร์อย่างแท้จริงได้ 4 แนวทางดังนี้

  1. แนวทางการแยกจิตวิญญาณออกจากจิตวิทยา เป็นแนวทางว่าด้วยมีกำแพงระหว่างพระคัมภีร์กับจิตวิทยา ต่างฝ่ายต่างจัดการกับปัญหาในขอบเขตของตัวเอง และพระคัมภีร์ใช้ในการจัดการหรือแก้ไขปัญหาทางจิตวิญญาณและทางศาสนศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อและหลักคำสอนหรือหลักปฏิบัติของคริสเตียน ซึ่งความผิดปกติด้านร่างกาย เช่น ปัญหาสุขภาพกายและจิตนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในขอบเขตความรับผิดชอบของคริสเตียน โดยให้เหตุผลว่าพระคัมภีร์ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นตำราแพทย์หรือเป็นแนวทางเพื่อบำบัดรักษาสุขภาพ พระคัมภีร์ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับปัญหาทางอารมณ์ จะเห็นว่าการแยกจิตวิญญาณออกจากจิตวิทยามีความเข้าใจว่าพระคัมภีร์ไม่มีความเกี่ยวข้องกับปัญหาต่างๆ ทางกายภาพ นั่นคือการไม่ยอมรับในสิทธิอำนาจของพระคัมภีร์ที่มีต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์
  2. แนวทางแบบผสมผสาน คือการประสานทัศนะและสิ่งที่มีอยู่ในพระคัมภีร์กับหลักของจิตวิทยา แนวทางนี้พระคัมภีร์ได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยใช้ข้อพระคัมภีร์หนุนใจ และหลักคำสอนในพระคัมภีร์ ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อ ความรัก ความหวัง ความไว้วางใจ ในการให้คำปรึกษามากขึ้น ข้อควรตระหนักของแบบผสมผสานคือ ไม่ได้ยึดหลักในพระคัมภีร์เป็นอันดับแรก แต่นำเอาแนวความคิดของพระคัมภีร์เข้าในความคิดของจิตวิทยา ซึ่งแท้จริงแล้วควรจะเริ่มต้นที่พระคัมภีร์เป็นอันดับแรก
  3. แนวทางเข้าใกล้จิตวิญญาณและความเชื่อ เป็นการจัดการกับปัญหาโดยไม่ยอมรับเรื่องจิตวิทยา เพราะจิตวิทยาไม่มีประโยชน์อะไรเลย แต่ยึดหลักการที่ว่าไม่มีอะไรนอกจากรพระคุณ พระคริสต์ ความเชื่อ และพระวจนะ และปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลมาจากความบาป สามารถหลุดพ้นจากปัญหาได้โดยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม จุดอ่อนของการเข้าใกล้จิตวิญญาณและความเชื่อ 1)การไม่ยอมรับจิตวิทยา ทั้งที่แนวคิดทางจิตวิทยาหลายอย่างมีความสอดคล้องกับพระคัมภีร์และสามารถประยุกต์ใช้ในการให้คำปรึกษาได้ 2)ปัญหาเกิดจากผลของความบาป การให้คำปรึกษาเป็นการฟังเพื่อจับพฤติกรรมที่ผิด ซึ่งอาจทำให้สูญเสียความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน
  4. แนวทางการรวมจิตวิญญาณและจิตวิทยา ในการรวมจิตวิญญาณและจิตวิทยาเป็นแนวทางที่ก่อให้เกิดความสมดุลย์มากที่สุด เพราะสามารถนำแนวคิดจิตวิทยามีส่วนร่วมกับหลักคำสอนของพระคัมภีร์ และพระคัมภีร์เป็นมาตรฐานสูงสุด โดยควรมีคุณสมบัติดังนี้ 1)จิตวิทยาต้องอยู่ภายใต้สิทธิอำนาจของพระคัมภีร์ 2)พระคัมภีร์คือการทรงสำแดงของพระเจ้า ไม่ผิดพลาด ไม่คลาดเคลื่อน 3)หลักการพระคัมภีร์ต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก 4)ใส่ใจต่อเนื้อหาสาระของพระคัมภีร์ โดยการใช้เวลาในการศึกษาให้มากที่สุด เพื่อก่อให้เกิดผลอย่างสม่ำเสมอ มีความรู้ ความเข้าใจในสาระโดยรวมของพระคัมภีร์ และมีการร่วมสามัคคีธรรมกับผู้เชื่อ

อ้างอิง

แครบบ์, ลาร์รี่. (2002). การให้คำปรึกษาที่มีประสิทธิภาพตามพระคัมภีร์, แปลโดย                       ภัทรา คะนึงไกวัล.กรุงเทพฯ: ศูนย์ทีรันนัส.

 

1 thought on “ยุทธวิธีการให้คำปรึกษาหลักคำสอนของพระคัมภีร์กับจิตวิทยา

    • Author gravatar

      อาจารย์ครับแล้วยุทธวิธีการให้คำปรึกษาตามหลักพระคัมภีร์จะใช้จากพระคัมภีร์เล่มไหนบ้างครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *